พุทธธรรมน่ารู้ : ธรรมะสำหรับผู้นำ*

ประเทศชาติบ้านเมืองที่มีแต่ความสงบ
ประชาชนอยู่กันอย่างมีความสุขได้นั้น
สิ่งสำคัญประการหนึ่งมาจากการมีผู้นำที่ดี มีคุณธรรม มีความคิดก้าวหน้า
ฉลาดสามารถในการจัดกิจการงานต่าง ๆ ของชาติบ้านเมือง ทำให้ชาติบ้านเมือง
เจริญรุ่งเรืองรุดหน้าเท่าเทียมนานาประเทศ ดังภาษิตที่ว่า
"ผู้นำดี เป็นศรีแก่ชาติ ผู้นำเฉลียวฉลาด ประเทศชาติรุ่งเรือง"
เป็นต้น
ในวันนี้จะขอนำธรรมะของคนที่เป็นผู้นำ
8 ประการ มากล่าว เพื่อให้คนที่เป็นผู้นำและคนที่ต้องการจะเป็นผู้นำ ได้นำไปศึกษาและนำไปประพฤติปฏิบัติตามสมควรแก่ตนต่อไป
ประการที่ 1 ความอดทน หมายถึง การห้ามจิตใจ เมื่อได้พบกับเหตุการณ์อันจะก่อให้เกิดเรื่องหรือแสดงกิริยาที่ไม่ดีออกมา
ต้องมีความอดทน ไม่หุนหันพลันแล่น เช่น อดทนต่อความยากลำบากในขณะที่ทำการงาน
ไม่เห็นแก่ความหนาว ความร้อน เช้าสายบ่ายค่ำ อดทนต่อความเจ็บใจ ในเมื่อคนอื่นทำสิ่งที่ไม่น่าพอใจให้แก่ตน
ประการที่ 2 ความเป็นนักสู้ หมายถึง เป็นผู้มีความเข้มแข็ง กล้าหาญ
หนักเอาเบาสู้ มุ่งความสำเร็จกิจการงานเป็นที่ตั้ง ไม่หลงคำยอ ไม่ท้อคำติ
มุ่งมั่นฝ่าฟันอุปสรรคปัญหาต่าง ๆ ปฏิบัติงานทุกอย่างให้บรรลุเป้าหมาย
ประการที่ 3 ความเป็นผู้ตื่น หมายถึง เป็นคนตื่นตัว ว่องไวต่อปัญหาตลอดเวลา
มีความคิดก้าวหน้า ริเริ่มสร้างสรรค์ มีความคิดยืดหยุ่น รวมทั้งมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล
สามารถที่จะนำความคิดออกมาใช้ให้ทันต่อสถานการณ์และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า
ประการที่ 4 ความขยันหมั่นเพียร หมายถึง มีความวิริยะอุตสาหะ มีความจริงใจในการปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นทาสของความเกียจคร้าน
มีความกระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลา
ประการที่ 5 เมตตากรุณา หมายถึง มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ช่วยเหลือเกื้อกูล
โอบอ้อมอารี ในลักษณะสงเคราะห์ อนุเคราะห์ หรือบูชาคุณความดีแล้วแต่เวลา
สถานที่ และบุคคล มีความรักและความหวังดีเป็นที่ตั้ง
ประการที่ 6 ความยุติธรรม หมายถึง มีความเที่ยงธรรม เสมอภาคในคนทุกประเภท
ไม่แบ่งแยกพวกเขาพวกเรา ไม่มีอคติ ความลำเอียง ซึ่งความลำเอียงนี้ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้
4 อย่างคือ ลำเอียงเพราะความรัก ลำเอียงเพราะความโกรธ ลำเอียงเพราะความกลัว
และลำเอียงเพราะความหลง การพิจารณาเลื่อนตำแหน่งก็พิจารณาจากความรู้ ความสามารถและคุณธรรมความดีผู้นำที่ปฏิบัติได้ดังนี้ย่อมเป็นที่รักของหมู่ชน
ได้คนที่มีความรู้ ความสามารถ มีคุณธรรมความดี มาเป็นบริวารอยู่เสมอ
ประการที่ 7 การหมั่นตรวจตรากิจการงาน หมายถึง การสอดส่องดูแลการงานอยู่เสมอ
เมื่อพบข้อบกพร่องก็รีบแก้ไข อย่าปล่อยไว้จะลำบากในการแก้ไข และต้องตรวจตราดูลำดับความสำคัญของงานว่า
งานไหนควรทำก่อนหลัง ถ้างานไหนสำคัญก็ควรทำงานนั้นก่อน งานไหนควรทำเอง
งานไหนควรแบ่งมอบหมายให้คนอื่นรับผิดชอบ รวมทั้งต้องรู้จักแบ่งงานให้ถูกกับคนด้วย
คนที่มีความรู้ ถนัดสามารถในเรื่องไหน ก็มอบหมายเรื่องนั้นให้ทำ
ประการที่ 8 ความซื่อสัตย์สุจริต หมายถึง มีความซื่อตรง มั่นคงอยู่ในศีลธรรม
มีความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น มีความสุจริตทางกาย ทางวาจา และทางใจ
ดังนั้น คนที่เป็นผู้นำ จึงมีความสำคัญเพราะเรียกได้ว่าเป็นแบบอย่างให้แก่ผู้อื่นด้วย
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า
"บุคคลที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้นำ ถ้าประพฤติไม่เป็นธรรม คนทั้งหมดก็ทำตามอย่าง
ประเทศชาติก็เดือดร้อน แต่ถ้าประพฤติเป็นธรรม คนทั้งหมดก็ประพฤติตามอย่างบ้าง
ประเทศชาติก็จะมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง เปรียบเสมือนกับฝูงโคที่กำลังข้ามฟาก
ถ้าโคจ่าฝูงนำไปคด โคทั้งหมดก็เดินคดเคี้ยวตาม หากโคจ่าฝูงนำไปตรง โคทั้งหมดก็ไปตรง
ฉะนั้น"

*คัดจากหนังสือพิมพ์สยามรัฐ
ฉบับวันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน 2547 ศาสนา-สารธรรม หน้า 27
คอลัมน์ : เทวราช ธรรมสภา พระราชสุธี(โสภณ โสภณจิตโต ป.ธ.9) เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชร
วรวิหาร
ผู้จัดทำ homepage ขออนุญาตนำมาเผยแพร่ และขอแสดงความขอบพระคุณเป็นอย่างสูงไว้
ณ ที่นี้
(พิเศษ 26/6/2547)