โครงการจัดทำแผนแม่บท
พัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ
ของ
ภาควิชารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์
คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
เสนอ
ผศ.ดร. พรทิพย์ อัจจิมารังษี
จัดทำโดย
นางนิตยา เงินประเสริฐศรี
1. ปัญหาการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศของภาควิชาฯ คือ
การใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ต่างๆ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ฐานข้อมูลและระบบสารสนเทศจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพประสิทธิผลของภาควิชาฯ พัฒนาการเรียนการสอนให้มีคุณภาพเข้าสู่มาตรฐานระดับประเทศ
5. ขั้นตอนการดำเนินงานของโครงการ
เครื่องคอมพิวเตอร์ที่จะซื้อจำนวน 74 เครื่อง เป็นคอมพิวเตอร์ ส่วนบุคคล (personal computer) ในปี 2543 ซื้อ 24 เครื่อง ปี 2544 ซื้อ 20 เครื่อง ปี 2545 ซื้อ 30 เครื่อง (จำนวน 70 เครื่อง ใช้เพื่อการเรียนการสอน อีก 4 เครื่อง ให้อาจารย์แต่ละคนใช้ในห้องพักทำงานของตน)
ทั้งนี้การเลือกซื้อคอมพิวเตอร์ภาควิชาฯ ต้องพิจารณาเกณฑ์ต่อไปนี้
- การปฏิบัติงาน : ความเร็ว สมรรถนะ (capacity)
- ราคา : ราคาซื้อ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการและดูแลรักษา
- ความน่าเชื่อถือไว้ใจได้ : ระบบปฏิบัติหน้าที่ได้ถูกต้อง มีการควบคุมความคลาดเคลื่อน
- การส่งมอบได้ใช้ประโยชน์ตามต้องการ : ส่งมอบตามกำหนดเวลา
- ความสอดคล้องสัมพันธ์กันระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
- ความสามารถในการปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนและระบบ เพื่อให้มีสมรรถนะในการทำงานเพิ่มขึ้น
- เทคโนโลยี : รุ่นที่ผลิตเป็นรุ่นใหม่หรือรุ่นเก่า เป็นรุ่นใหม่ที่ผ่านการทดสอบแล้วหรือไม่
- ลักษณะการออกแบบ : ปลอดภัย สะดวกในการใช้
- การเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ : การเชื่อมโยงระหว่างคอมพิวเตอร์กับคอมพิวเตอร์แบบLAN หรือแบบ WAN
- ขอบเขตการทำงานของระบบ : สามารถจัดการประมวลผลสารสนเทศตามความต้องการของผู้ใช้
- ซอฟต์แวร์ : ซอฟต์แวร์สามารถนำมาใช้กับฮาร์ดแวร์ได้
- การบริการ : มีการให้บริการดูแลรักษา
จากเกณฑ์ดังกล่าวรวมกับวัตถุประสงค์ของการใช้งานเพื่อ
- สร้างและเก็บฐานข้อมูลและระบบสารสนเทศเพื่อการปฏิบัติงานและตัดสินใจ
- ส่งหนังสือเวียนแจ้งให้อาจารย์ทราบ
- ค้นหาข้อมูลของอาจารย์และนิสิต เพื่อการเรียนการสอน
- การทำรายงานของนิสิต
- การติดต่อสื่อสารระหว่างกัน
จึงได้กำหนดรายละเอียดมาตรฐานอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พร้อมทั้งมัลติมีเดีย ดังนี้
- เครื่อง PC : Pentium I I I 450 MHz หรือมากกว่า
- หน่วยความจำ (RAM) 64 เมกะไบต์
- ฮาร์ดดิสก์ (HDD) 6.4 กิกะไบต์
- จอภาพ 17 นิ้ว
- Tower Case ATX medium 235 watts.
- Floppy Drive 1.44 mb.
- LAN Card
- AGP 8 MB/TV out
- CD-Rom drive 48 X
- Sound Card PCI
- Stereo Speaker 120 watts
- PS / 2 mouse / 108 keys Keyboard
- Laser Jet Printer
จัดหาคอมพิวเตอร์ที่เป็น server สำหรับเก็บฐานข้อมูลที่ภาควิชา E-mail และเก็บโปรแกรมที่บุคลากรใช้ร่วมกัน
- ในปี 2543 ซื้อคอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง ขนาด Pentium I I I 450-500 MHz หน่วยความจำ 128 เมกะไบต์ HDD ขนาด 8 กิกะไบต์ พร้อมอุปกรณ์ต่อเชื่อมเครือข่าย
- ในปี 2544 ซื้อคอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง เพื่อแยกภารงาน, E-mail และ Internet ออกจากคอมพิวเตอร์ที่เป็น server เดิม
Application Software เป็นซอฟต์แวร์สำหรับผู้ใช้ (user) ซึ่งแบ่งเป็น ซอฟต์แวร์ที่ใช้ทั่วไป และซอฟต์แวร์ เฉพาะงานขององค์การหนึ่ง
การเลือกใช้ซอฟต์แวร์ ภาควิชาฯ ต้องมีเกณฑ์พิจารณาดังนี้
- ประสิทธิภาพ : เป็นซอฟต์แวร์ที่ต้องใช้สมรรถนะหน่วยความจำมากน้อยเพียงใด
- ความปลอดภัย : มีขั้นตอนการปฏิบัติควบคุมเพื่อความคลาดเคลื่อนใช้ผิดหน้าที่ และใช้ไม่ถูกต้อง
- การเชื่อมโยง : สามารถเชื่อมโยงเข้ากับ Internet, intranets, extranets ได้ง่ายเพียงใด หรือทำงานร่วมกับ network browsers หรือ network software อื่นๆ
- ภาษา : เป็นภาษาโปรแกรมที่สามารถนำมาใช้กับคอมพิวเตอร์ของเรา
- เอกสาร : มีคำแนะนำหรือคู่มือการใช้
- ฮาร์ดแวร์ : ฮาร์ดแวร์ที่มีอยู่มีลักษณะที่สามารถใช้ซอฟต์แวร์นี้ได้ดีที่สุด
ดังนั้นซอฟต์แวร์ที่ควรนำมาใช้ ได้แก่ (O Brien, 1999 : 178)
- Software Suites เป็นการรวมซอฟต์แวร์หลายๆ ซอฟต์แวร์ที่ใช้เกี่ยวข้องกันได้แก่ Microsoft office
- Web Browsers เช่น Netscape Navigator, Microsoft Explorer
- Electronic Mail การส่งจดหมายด้วยสื่ออิเล็คทรอนิกส์
- Database Management ใช้สำหรับจัดการกับข้อมูล เช่น Dbase, Oracle
- Personal Information Managers ใช้สำหรับจัดการข้อมูลเกี่ยวกับตารางนัดหมายการประชุม
- Desktop Publishing เป็นโปรแกรมสำหรับจัดแต่งเอกสารให้เป็นรูปแบบที่ต้องการ
- Operating system สำหรับ PC.เป็น Window 95 ขึ้นไป ส่วนคอมพิวเตอร์ที่เป็น server เป็น window NT
- Groupware เป็นการรวมซอฟต์แวร์ที่มีคุณสมบัติต่างๆ ที่คนในองค์การต้องการใช้มารวมไว้ที่เดียวกัน เช่น E-mail, ซึ่ง Groupware ช่วยให้คนในองค์การสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็วโดยผ่านทาง Internet , intranets, extranets
- Research Software เช่น SPSS., SAS
8. เครือข่ายคอมพิวเตอร์ (network computer หรือ NC)
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ในรูปของ Internet , intranets ภาควิชาฯ ได้ใช้เครือข่าย Internet เพื่อ
- การสืบค้นหาข้อมูลของอาจารย์และนิสิต เพื่อใช้ในการเรียนการสอน
- การติดต่อสื่อสารด้วย E-mail ของบุคลากรและนิสิต
- การเผยแพร่สารสนเทศของภาควิชาฯ ได้แก่หลักสูตร การรับสมัครนิสิตระดับบัณฑิตศึกษา แจ้งผลสอบเข้าศึกษาต่อ โดยสร้าง homepage ของภาควิชาฯ
ส่วน intranet ใช้เพื่อส่งแจ้งหนังสือเวียนให้อาจารย์ในภาควิชาฯ ได้รับทราบโดยเอกสารต่างๆ ถูก scan เข้าสู่คอมพิวเตอร์ (ซึ่งทำหน้าที่เป็น server) และใช้โปรแกรมแปลง image ให้เป็น text เพื่อบุคลากรได้รับทราบหนังสือเวียนต่างๆ จากคอมพิวเตอร์ส่วนตัวของตน พร้อมทั้งแจ้งกลับผ่านคอมพิวเตอร์ว่าได้รับทราบเรื่องที่แจ้งแล้ว ในกรณีที่บุคลากรจำเป็นจะต้องเซ็นรับทราบหนังสือดังกล่าวก็ให้ติดต่อที่ภาควิชาฯ
เครือข่าย intranet สามารถเชื่อมโยงผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ internet ได้ ดังแสดงในภาพที่ 1
ภาพที่ 1 แสดงการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ของเครือข่าย Intranet ผ่านเครือข่าย Internet
การติดตั้งเครือข่ายสื่อสารโทรคมนาคมแบบ LAN ให้เริ่มต้นจากเครือข่ายนนทรีเป็นเครือข่ายหลัก (backbone) ใช้สายใยแก้วนำแสงเป็นสายนำสัญญาณในการสื่อสารข้อมูล และเชื่อมโยงกับ NECTEC เพื่อเข้าสู่ระบบ Internet โดยวางเราเตอร์ AGST (Cisco) กระจายตามจุดต่างๆ ดังแสดงในภาพที่ 2 ซึ่งคณะสังคมศาสตร์ถูกจัดให้อยู่ในพื้นที่ 5 ใช้เราเตอร์จากคณะอุตสาหกรรมเกษตร ดังแสดงในภาพที่ 3
ภาพที่ 2 แสดงเครือข่ายแบคโบนเส้นใยแก้วนำแสง ระดับมหาวิทยาลัย
ภาพที่ 3 แสดงการกระจายเครือข่ายย่อยตามโครงสร้างของการวางเราเตอร์ ระดับคณะ
จากนั้นคณะสังคมศาสตร์ใช้สายใยแก้วนำแสงเป็นสายนำสัญญาณในการสื่อสาร ไปที่ศูนย์บริหารคอมพิวเตอร์ของคณะสังคมศาสตร์ ซึ่งติดตั้งอุปกรณ์เชื่อมตัวสายเคเบิลเครือข่าย ระหว่างคอมพิวเตอร์server กับไมโครคอมพิวเตอร์ที่เป็นclient ซึ่งเรียกว่า Hub ในศูนย์บริการ
คอมพิวเตอร์ของคณะฯ มี 16 hubs จะมีการติดตั้ง UTP Hub ระหว่างชั้นต่างๆ ของอาคารและในแต่ละชั้น จะเดินสายไปในแต่ละห้องพักของอาจารย์ ภาพที่ 4 แสดงการติดตั้ง UTP Hub ไปยังคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง
ข้อเสนอแนะ ในอนาคตความต้องการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศของแต่ละภาควิชาคงเพิ่มขึ้น ดังนั้นการติดตั้ง Hub ควรจะเริ่มจากคณะฯ ไปยังภาควิชาต่างๆ
ดังนั้นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเชื่อมต่อเพื่อสร้างระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ได้แก่ Network Interface Card หรือ NIC) สายเคเบิลเครือข่าย และ Hub (วิทยา, 2542 : 45-46)
เมื่อจำนวนคอมพิวเตอร์เพิ่มเป็น 24 เครื่อง (เดิมมี 10 เครื่อง) จึงต้องหา Hub จำนวน 24 port สำหรับรองรับงานในอนาคต พร้อม Network Card สำหรับเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ PC ดังภาพ 4
ภาพที่ 4 แสดงการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ผ่านอุปกรณ์UTP Hub ของภาควิชาฯ
สำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบ LAN เพื่อใช้กับ intranet มีอุปกรณ์ที่ได้ระบุไว้แล้ว กล่าวคือ มีไมโครคอมพิวเตอร์ระบบ Window 95 และคอมพิวเตอร์ที่เป็น server ระบบ Window NT ติดตั้ง Network Card ติดตั้งเครื่อง CD-ROM เครื่องพิมพ์ และเครื่องจ่ายไฟฟ้าสำรองชนิด UPS (uninteruptable power supply) จัดตั้งเครือข่าย LAN แบบ Star โดยการต่อสายเคเบิลแบบ UTP เข้ากับ UTP Hub ซึ่งเรียกว่าการต่อแบบ wiring hub โดยต่อแบบแยกโหนด (วิทยา, 2542 : 47-48) ดังแสดงในภาพที่ 5
ภาพที่ 5 แสดงเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบ LAN สำหรับ intranet ของภาควิชาฯ
9. การพัฒนาฐานข้อมูลและระบบสารสนเทศเพื่อการปฏิบัติงานด้านธุรการของภาควิชาฯ และสนับสนุนการตัดสินใจ
ทั้งนี้มีขั้นตอนเริ่มจากการกำหนดความจำเป็นใช้สารสนเทศ การวางแผนพัฒนา การออกแบบระบบการนำระบบสารสนเทศไปใช้ และการตรวจสอบระบบ ภาพที่ 6 แสดงขั้นตอน การพัฒนาระบบสารสนเทศและองค์ประกอบของระบบสารสนเทศ
ขั้นตอนการพัฒนาระบบสารสนเทศ
องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ
ข้อมูล
ขั้นตอนปฏิบัติการ
ซอฟต์แวร์
ฮาร์ดแวร์
บุคคลากร
1. กำหนดความจำเป็นใช้สารสนเทศ ลัมภาษณ์ หัวหน้าภาคฯ อาจารย์ ข้าราชการ นิสิต กำหนดทางเลือกเพื่อแก้ไขปัญหาระบบสารสนเทศ กำหนดระบบงานด้านต่างๆ ลักษณะสมรรถนะคุณภาพ ปริมาณ คณะทำงานมีผู้ที่เกี่ยวข้อง 2. การวางแผนพัฒนา ความเป็นไปได้ในด้านต่างๆ พิจารณาหาทางเลือกที่เหมาะสม กำหนดภาษาหรือโปรแกรม การเยี่ยมชมสาธิตอุปกรณ์ที่จะซื้อ แบ่งงานกันในหมู่คณะทำงาน 3. การออกแบบระบบ ข้อมูลป้อนเข้าผลลัพธ์และการเก็บรักษาข้อมูลสำรอง ใช้เครื่องมือการออกแบบ ออกแบบหน้าจอเมนูและรายงานต่างๆ เสนอคุณสมบัติของระบบคอมพิวเตอร์ ออกแบบหน่วยงานและวิธีทำงาน 4. การนำระบบสารสนเทศไปใช้ สร้างแฟ้มข้อมูลสำหรับทดสอบ เอกสารขั้นตอนการปฏิบัติต่างๆ จัดทำเอกสารบันทึกโปรแกรม เลือกระบบคอมพิวเตอร์ที่เหมาะสม ฝึกปฏิบัติ ฝึกอบรม 5. การตรวจสอบระบบ สัมภาษณ์ผู้ใช้ได้แก่ อาจารย์ ข้าราชการ นิสิต ทดสอบสภาพแวดล้อม เอกสารปัญหา/ การแก้ไข ปรับปรุงเปลี่ยนแปลง มอบหมายไปสู่ผู้ปฏิบัติ ภาพที่ 6 แสดงขั้นตอนการพัฒนาระบบสารสนเทศและองค์ประกอบของระบบสารสนเทศ
1) ฐานข้อมูลของภาควิชาฯ หลังจากที่ภาควิชาฯ ได้ติดตั้งคอมพิวเตอร์และเครือข่ายคอมพิวเตอร์ Internet และ intranet แล้ว ภาควิชาฯ สามารถสร้างระบบการจัดการฐานข้อมูล (data base management) โดยการรวบรวมโปรแกรมต่างๆ ที่จะช่วยสนับสนุนการให้ความหมาย (การกำหนดชนิดของข้อมูล การให้รายละเอียดของข้อมูล) การสร้างฐานข้อมูล (ขบวนการบันทึกข้อมูลลงในคอมพิวเตอร์) และการจัดการฐานข้อมูล (การเรียกข้อมูล การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูล และการออกรายงานที่ได้จากฐานข้อมูล)
ฐานข้อมูลที่สำคัญ ซึ่งภาควิชาฯ ต้องดำเนินการใช้ประโยชน์ ได้แก่
- ข้อมูลนิสิต
- ข้อมูลบริการวิชาการ
- ข้อมูลงานวิทยานิพนธ์และงานวิจัยของอาจารย์ในภาควิชาฯ
- ข้อมูลการให้บริการทางวิชาการ
- ข้อมูลเงินรายได้ที่ได้รับ
- ข้อมูลเงินงบประมาณ
- ข้อมูลบุคลากร
- ข้อมูลงานเอกสารของภาควิชาฯ
- ข้อมูลพัสดุและครุภัณฑ์
- ข้อมูลเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ภาควิชาฯ
2) ระบบสารสนเทศเพื่อการปฏิบัติงานด้านวิชาการ ทั้งนี้ความสามารถของระบบสารสนเทศมีดังนี้
- สามารถจัดเก็บข้อมูลจำนวนนิสิตระดับปริญญาตรีและระดับบัณฑิตศึกษาโดยดึงข้อมูลจากสำนักทะเบียนและประมวลผลและบัณฑิตวิทยาลัยมาใช้เป็นบางส่วน จัดเก็บข้อมูลรายละเอียดของนิสิต ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา รายวิชาที่ลงทะเบียน ผลการเรียน เพื่อใช้ตรวจสอบสถานภาพของนิสิต และเพื่อการตัดสินใจรับจำนวนนิสิตระดับปริญญาตรีและระดับบัณฑิตศึกษาเข้าศึกษาต่อทั้งนี้ให้มีการจัดทำรายงานในเดือนมกราคมของแต่ละปี
- สามารถวิเคราะห์รายงานและจัดเก็บข้อมูลบริการวิชาการ โดยเป็นข้อมูลเกี่ยวกับ ตารางสอน ตารางสอบ อาจารย์พิเศษการเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เพื่อใช้ในการตัดสินใจจัดการเรียนการสอนและการสอบการจัดอาจารย์ที่ปรึกษาให้แก่นิสิตทั้งนี้ให้มีการจัดทำรายงานในเดือนมกราคมของแต่ละปี
- สามารถจัดเก็บข้อมูลงานวิทยานิพนธ์ของนิสิตในภาควิชาฯ และงานวิจัยของอาจารย์โดยสามารถดึงข้อมูลจากบัณฑิตวิทยาลัยเป็นบางส่วนโดยเป็นข้อมูลเกี่ยวกับรายชื่อวิทยานิพนธ์และบทคัดย่อ รายชื่องานวิจัยและบทคัดย่อ ทั้งนี้เพื่อให้นิสิตระดับบัณฑิตวิทยาและอาจารย์ได้สืบค้น
- สามารถจัดเก็บข้อมูลจำนวนและลักษณะการให้บริการทางวิชาการ ซึ่งเป็นเรื่องการฝึกอบรมให้แก่หน่วยราชการอื่น การเป็นวิทยากรในหัวข้อต่างๆของอาจารย์ในภาควิชาฯ เพื่อใช้ตัดสินใจจัดทำโครงการให้บริการทางวิชาการแก่สังคม
3) ระบบสารสนเทศเพื่อการปฏิบัติงานด้านธุรการ ทั้งนี้ความสามารถของระบบ มีดังนี้
- สามารถวิเคราะห์รายงานและจัดเก็บข้อมูลเงินรายได้ที่ได้รับ เงินรายได้ ได้แก่ เงินค่าหน่วยกิต และเงินจากโครงการบัณฑิตศึกษาภาคพิเศษ สารสนเทศดังกล่าวจะช่วยในการตัดสินใจด้านการพัฒนาภาควิชาฯ โดยใช้เงินรายได้
- สามารถรายงานผลสารสนเทศเกี่ยวกับงบประมาณที่ได้รับ เพื่อใช้ตัดสินใจในการจัดทำงบประมาณในปีต่อไป ให้จัดทำรายงานในช่วงก่อนทำงบประมาณประจำปี
- สามารถเก็บข้อมูลเกี่ยวกับบุคลากรของภาควิชาฯ ซึ่งเป็นข้อมูลประวัติส่วนตัว การพัฒนาบุคลากรแต่ละคน ทั้งนี้ดึงข้อมูลบางส่วนจากกองการเจ้าหน้าที่มาใช้ประโยชน์ เพื่อใช้ตัดสินใจในการพิจารณาความดีความชอบและการพัฒนาบุคลากร ทั้งนี้ให้มีการจัดทำรายงานในช่วงเดือนกรกฎาคมของทุกปี ก่อนการพิจารณาความดีความชอบ
- สามารถจัดเก็บบันทึกงานด้านเอกสารต่างๆ เช่น ใบลา อนุมัติการจัดซื้อ การส่งจดหมายเชิญประชุม
- สามารถจัดเก็บข้อมูลพัสดุและครุภัณฑ์ของภาควิชาฯ ซึ่งได้มีการจัดซื้อ ทั้งนี้ให้มีการจัดเก็บพัสดุและครุภัณฑ์ทุกชิ้น จะได้ทราบจำนวนและที่ตั้งของพัสดุครุภัณฑ์ เพื่อใช้ในการตรวจสอบติดตามการใช้พัสดุครุภัณฑ์ และเพื่อการตัดสินใจจัดซื้อใหม่ในอนาคต
- สามารถนำเสนอข้อมูลประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับภาควิชาฯ ในเรื่องการเรียนการสอน การเปิดรับสมัครเข้าศึกษาต่อ การแจ้งผลการสอบ โดยให้นำเสนอผ่าน homepage
ภาพที่ 7 เป็นการสรุประบบสารสนเทศเพื่อการปฏิบัติงานด้านวิชาการ และการปฏิบัติงานด้านธุรการ
ภาพที่ 7 แสดงระบบสารสนเทศของภาควิชาฯ
ทั้งนี้การจัดทำฐานข้อมูล และสารสนเทศเพื่อการปฏิบัติงานและเพื่อการตัดสินใจ จะใช้เงินรายได้จากโครงการบัณฑิตศึกษาภาคพิเศษ ว่าจ้างให้ออกแบบฐานข้อมูลและระบบสารสนเทศ รวมทั้งจ้างเจ้าหน้าที่สารสนเทศประจำภาควิชาฯ เพื่อดูแลเรื่องข้อมูลและสารสนเทศของภาควิชาฯ รวมทั้งระบบคอมพิวเตอร์ด้วย
ภาพที่ 8 แสดงแผนแม่บทพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศของภาควิชารัฐศาสตร์ฯปี 2543-2545
ปีที่1 (2543) : พัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ด้านวิชาการ และการเรียนการสอน
- วางระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 300,000 บาท
- จัดหาคอมพิวเตอร์ที่เป็น server 150,000 บาท
- จัดหาคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล 24 เครื่อง 960,000 บาท
- ติดตั้งซอฟต์แวร์ 500,000 บาท
- จัดหาผู้รับเหมาพัฒนาฐานข้อมูลและสารสนเทศ 300,000 บาท
- หาบุคลากรด้านสารสนเทศ 1 คน (เงินเดือน) 120,000 บาท
- พัฒนาบุคลากร (อาจารย์ ข้าราชการ) 100,000 บาท
ปีที่ 2 (2544) : พัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ด้านธุรกิจ และการเรียนการสอน
- ขยายเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 300,000 บาท
- จัดหาคอมพิวเตอร์ที่เป็น server 200,000 บาท
- จัดหาคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล 20 เครื่อง 800,000 บาท
- ติดตั้งซอฟต์แวร์ 200,000 บาท
- บำรุงรักษาคอมพิวเตอร์เดิม 100,000 บาท
- พัฒนาบุคลากร (อาจารย์ ข้าราชการ) 100,000 บาท
ปีที่ 3 (2545) : พัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ให้มีประสิทธิภาพและใช้เพื่อการเรียนการสอน
- ปรับปรุงพัฒนาระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 500,000 บาท
- จัดหาคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล 30 เครื่อง 1,200,000 บาท
- พัฒนาซอฟต์แวร์ 200,000 บาท
- บำรุงรักษาคอมพิวเตอร์เดิม 100,000 บาท
- พัฒนาบุคลากร (อาจารย์ ข้าราชการ) 100,000 บาท
รวม 6,230,000 บาท
ปี 2543 ปี 2544 ปี 2545 กิจกรรมการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ ตค-ธค มค-มีค เมย-มิย กค-กย ตค-ธค มค-มีค เมย-มิย กค-กย ตค-ธค มค-มีค เมย-มิย กค-กย - วางระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ - ขยายเครือข่ายคอมพิวเตอร์ - ปรับปรุงพัฒนาระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ - จัดหาคอมพิวเตอร์ที่เป็น server 1 เครื่อง - จัดหาคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล 24 เครื่อง - จัดหาคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล 20 เครื่อง - จัดหาคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล 30 เครื่อง - ติดตั้งซอฟต์แวร์ - พัฒนาซอฟต์แวร์ - จัดหาผู้รับเหมาและพัฒนาฐานข้อมูลและสารสนเทศ - หาบุคลากร ด้านสารสนเทศ และว่าจ้าง - พัฒนาบุคลากรในเรื่อง IT - บำรุงรักษาคอมพิวเตอร์เดิม รวมเป็นเงิน
2,430,000 1,700,000 2,100,000 ภาพที่ 9 แสดงระยะเวลาของการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ (3 ปี) ของภาควิชาฯ
11. ข้อเสนอแนะแนวทางในการปรับปรุงระบบใน 3 ปี (2546-2548)
ในช่วงปี 2546 - 2548 ควรปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ดังนี้
- จัดหา VDO Conference สำหรับการสอนโดยคอมพิวเตอร์ ให้มีการเรียนการสอนแบบ Cyber Classroom
- พัฒนาระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายให้ทันสมัยใช้การได้ดีตลอดเวลา
- พัฒนาบุคลากรให้มีความรู้เทคโนโลยีสารสนเทศต่อเนื่อง
เอกสารอ้างอิง
- ดำรงค์ วัฒนา, 2539. การนำระบบสารสนเทศไปใช้ในการปรับปรุงการบริการภาครัฐ. กรุงเทพมหานคร : คณะกรรมการปฏิรูประบบราชการสำนักนายกรัฐมนตรี.
- มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.2540. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กับการก้าวสู่ความเป็นเลิศ : นโยบายและแนวทางการดำเนินงานปีการศึกษา 2540-2541.
- วิทยา เรืองพรวิสุทธิ์. 2542. เรียนรู้อินทราเน็ต : ระบบเครือข่ายองค์การยุคใหม่. กรุงเทพมหานคร : บริษัทซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน).
- O Brien. J.A. Management Information Systems : Managing Information Technology in the Internetworked Enterprise. Fourth Edition. Boston : Irwin/McGraw-Hill.